ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 37.05 อ่อนค่าจากช่วงเช้า กังวลเหตุสู้รบอิสราเอล-ฮามาส
InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 37.05 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 36.94 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.95 - 37.13 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางที่อ่อนค่าเช่น เดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค สาเหตุหลักมาจากความกังวลต่อความเสี่ยงของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มฮามาส คืนนี้ ฝั่งสหรัฐฯ หยุดทำการเนื่องในวันโคลัมบัส จึงทำให้การซื้อขายทั้งตลาดหุ้น ตลาดเงินค่อนข้างเบาบาง "ช่วงนี้ เงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าได้ จากปัญหาความขัดแย้งของอิสราเอล และกลุ่มฮามาส รวมทั้งตลาดยังมองว่าเฟด จะ ยังใช้นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงไปนานกว่าที่ตลาดคาด" นักบริหารเงิน ระบุ นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.90 -37.15 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 149.10 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 149.13 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0532 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0562 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,431.72 จุด ลดลง 6.73 จุด (-0.47%) มูลค่าซื้อขาย 47,468.30 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,937.83 ลบ.(SET+MAI) - ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย.66 อยู่ที่ระดับ ระดับ 58.7 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และเป็นระดับสูงสุดใน รอบ 42 เดือนนับตั้งแต่ มี.ค.63 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่น หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และจัดทำนโยบายลดค่า ครองชีพ ตลอดจนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แต่ยังคงกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่ อาจเป็นปัจจัยเพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย - ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ก.ย.66 ปรับดีขึ้นทุกภูมิภาค มาอยู่ที่ระดับ 56.02 ผู้ประกอบธุรกิจในแต่ละภูมิภาคต่างมอง ว่าเศรษฐกิจดีขึ้นเกือบทุกรายการ และมองภาพในอนาคตดีขึ้นเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงบางรายการที่มองว่าแย่ลง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่อิง กับการส่งออกไปต่างประเทศ เนื่องจากไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้จริง - ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.75-37.40 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดติดตามสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ว่าจะขยายวงกว้างไปมากเพียงใด รวมทั้งรอดูรายงานประชุม ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยในระยะถัดไป - นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในภาคเทคโนโลยีที่ดำเนินงานอยู่ในอิสราเอลมีแนวโน้มที่จะยกระดับด้านการดูแลความ ปลอดภัย เนื่องจากบริษัทเหล่านี้เสี่ยงเผชิญภาวะติดขัด หลังเกิดเหตุมือปืนกลุ่มฮามาสจากฉนวนกาซ่าบุกสังหารชาวอิสราเอลหลายร้อยราย - นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นว่า มาตรการส่งเสริมปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) จะถูกบรรจุอยู่ในแผนเศรษฐกิจชุดต่อไป ที่มีแนวโน้มจะร่างขึ้นภายในสิ้นเดือนนี้ - ธนาคารกลางอิสราเอล เตรียมจะขายเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพยุงค่าเงินเช เกลของอิสราเอล ซึ่งร่วงลงอย่างรุนแรง เนื่องจากเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการสู้รบระหว่างกองทัพ อิสราเอล และกลุ่มฮามาส - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผย รายงานการประชุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest